เมื่อไหร่จึงควรจะใช้โฆษณา google ads กับธุรกิจบนโลกออนไลน์

เมื่อไหร่จึงควรจะใช้-google-ads

แน่นอนว่าในปัจจุบันการใช้กูเกิลนั้นเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการค้นหาสินค้า และบริการลำดับหนึ่งของโลกไปแล้ว แน่นอนว่าในการทำธุรกิจบนโลกออนไลน์ ณ ตอนนี้จะมีช่องทางหลักอยู่ 4 -5 ช่องทาง และโฆษณาบนgoogleก็เป็นหนึ่งในเครื่องมือแพลตฟอร์มออนไลน์ ในปัจจุบันซึ่งมีคนเข้าใช้ทั่วโลกจำนวนสองพันล้านคนในแต่ละวัน ดังนั้นการที่เราจะโปรโมทธุรกิจของเราให้เข้าถึงสู่สายตาผู้คนทั่วโลก แล้วก็สามารถทำได้โดยเราไม่ต้องออกไปโฆษณาเอง เพียงแค่เราเราโฆษณาผ่านเครื่องมือบนกูเกิล และให้โฆษณาเคยโชว์ให้กับคนอื่นๆ โดยที่เรานั่งอยู่กับที่นับเป็นความสะดวกสบายอันดับ 1

เครื่องมือหลักของ google

หลายคนมักรู้จักกูเกิ้ลแอดกันดีอยู่แล้ว แต่อาจจะไม่ทราบว่าเมื่อไหร่เราถึงจะควรใช้โฆษณา google ads ในตอนที่เราเริ่มทำธุรกิจ ปัจจุบันเครื่องมือของกูเกิลนั้นจะแบ่งได้สามประเภทหลักที่คนใช้กันเยอะ

1.google ads 2. seo 3. google adsense และวันนี้เราจะมาพูดถึงกูเกิ้ลแอพที่คุณควรทราบเมื่อคุณสร้างธุรกิจก็จะนำไปใช้อย่างไรให้ถูกต้องและเหมาะสมกับธุรกิจของคุณ

โฆษณา google ads แต่ละประเภทควรใช้เมื่อไหร่

ประเภทที่ 1 Search Ads

google ads รูปแบบแรกคือประเภทการค้นหา “search ads”เป็นประเภทที่หลายคนรู้จักกันดีและนิยมใช้กันมาก โดยจะแสดงผลในรูปแบบของข้อความ บนกูเกิล โดยประกอบไปด้วย Headline และ Description อธิบายข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์สินค้าและผลิตภัณฑ์นั้นๆ

ซึ่งจะประกอบไปด้วยคีย์เวิร์ดที่เรากำหนดไว้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเรา และเรายังสามารถเพิ่มกลุ่มเป้าหมายให้เข้าถึงบริการ และธุรกิจของเราให้ตรงกลุ่มมากขึ้นโดยเลือกความสนใจของผู้คนในแต่ละประเภทเช่นกีฬา ความงาม หรือธุรกิจบันเทิงต่างๆ โดยโฆษณารูปแบบสามารถเริ่มใช้เมื่อเราเริ่มต้นธุรกิจได้เลย ส่วนที่จำเป็นที่ต้องมีของโฆษณารูปแบบนี้คือเว็บไซต์ของธุรกิจของเรา อาจจะเป็นเว็บไซต์เต็มหรือหน้า landing page ที่ขายสินค้าโดยเฉพาะ ลำดับการขายของกูเกิลเสิร์ชนั้น คือ เว็บไซต์ของเราไปโฆษณาบนกูเกิลที่จะมีค่าใช้จ่ายเป็นค่าคลิก คนเข้ามาชมเว็บไซต์เรา และทำการสั่งซื้อหรือติดต่อเราผ่านบนเว็บไซต์ 3 สเต็ปง่ายๆในการปิดลูกค้าของกูเกิลเสิร์ช โดยรูปแบบนี้ข้อแนะนำว่าควรใช้เครื่องมือในการวิเคราะห์วางแผนของคีย์เวิร์ดโดยเฉพาะ หรือจะหาผู้เชี่ยวชาญมีความรู้มาช่วยดำเนินการเพื่อให้โฆษณาออกมามีผลลัพธ์ดีที่สุดและไม่เปลืองงบประมาณ

ประเภทที่ 2 Display Ads

google ads รูปแบบที่2 คือประเภทแบรนเนอร์ “Display Ads” โดยโฆษณาประเภทนี้จากหมาะกับเราก็ต่อเมื่อ เราวางแผนที่จะโปรโมตแบรนด์หรือโปรโมชั่นต่างๆ ให้เข้าถึงผู้คนจำนวนมาก โดยการคิดเงินประเภทนี้จะคิดเมื่อยอดการมองเห็นหนึ่งพันครั้งจะคิดเงิน โดยจะไปแสดงผลบนช่องทางอื่นๆที่เป็นพาร์ทเนอร์กับกูเกิล เช่น gmail , youtube ,website และ application ต่างๆ ซึ่งช่องทางต่างๆเหล่านี้จะมีการแบ่งพื้นที่สำหรับโฆษณาของกูเกิลแอดไวโดยเฉพาะและจะแสดงผลเป็นรูปแบบของภาพแบนเนอร์เท่านั้น โดยเราสามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมกับธุรกิจของเราได้ ไม่ว่าจะเป็นกีฬา ความสวยงาม หรืออการท่องเที่ยว เป็นต้น และเรายังสามารถแบ่งกลุ่มเป้าหมายเพิ่มเติมเป็นประเภทหรือช่วงอายุได้ โฆษณารูปแบบที่สองนี่จากเหมาะกับธุรกิจหลากหลายประเภทที่มีภาพถ่ายสินค้าหรือบริการเพื่อโปรโมตบริการและความน่าเชื่อถือต่างๆของธุรกิจเรา

ประเภทที่ 3 Video Ads หรือ Youtube Ads

กูเกิลแอดในประเภทที่ 3 Video Ads จะคล้ายคลึงกับรูปแบบ Display Ads แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือจะเเสดงผลเป็นวิดีโอบนช่องทางยูทูบเท่านั้น โดยเราสามารถเลือกให้โฆษณาบนยูทูบเราไปโชว์ในส่วนหัวของคลิป คั่นกลางคลิป หรือส่วนท้ายของวิดีโอก็ได้ โดยส่วนใหญ่จะเลือกไว้ที่ส่วนหัวของวิดีโอเนื่องจากจะเป็นการมองเห็นแรกของกลุ่มลูกค้าที่จะเห็นโฆษณาของเรา โฆษณาประเภทนี้ควรใช้เมื่อเราต้องการโปรโมทแบรนด์ บอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์ สินค้าและบริการของเราผ่านคลิปวิดีโอ โดยจะมีความยาว 5s 7s 14s ข้ามไม่ได้

เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีคอนเทนท์เป็นวิดีโอที่ต้องการโปรโมทส่วนใหญ่ จะเป็นกลุ่มธุรกิจของสินค้าและบริการที่เข้าถึงอารมณ์ของผู้บริโภคได้ดี

ประเภทที่ 4 App Ads

google ads รูปแบบที่ 4 จะโฆษณาใน application ต่างๆ ถือว่าโฆษณารูปแบบนี้มาแรงในช่วงสองถึงสามปีหลัง เนื่องจากนี้ปัจจุบันนั้นผู้คนใช้โทรศัพท์ เป็นอุปกรณ์อันดับหนึ่งในการดำเนินชีวิต การโฆษณาในรูปแบบนี้จึงถือว่านิยมมาก โดยสิ่งที่สำคัญที่ผู้โฆษณาจากโฆษณาได้ขอตอบเมื่อมีแอพพลิเคชั่น เป็นของตัวเองเท่านั้น สามารถโฆษณาได้ทั้งระบบปฏิบัติการ IOS และ Android จุดประสงค์หลักของการทำกูเกิลแอดประเภทนี้ เพื่อต้องการให้คนทำการติดตั้งแอปพลิเคชันนั่นเอง เราสามารถกำหนดรูปแบบของการแสดงผลได้ทั้งรูปภาพ และวีดีโอโดยจะแสดงผลตาม gmail, youtube, website และ application ต่างๆ ที่เป็นพาร์ตเนอร์กับกูเกิล

เหมาะกับธุรกิจใหญ่ๆที่มีแอพพลิเคชั่นเป็นของตัวเอง และต้องการให้คนเข้ามาใช้งาน application

ประเภทที่ 5 Shopping Ads

โฆษณากูเกิลในรูปแบบช็อปปิ้งแอด จะแสดงผลรูปแบบของการ์ดรายการสินค้าซึ่งจะประกอบไปด้วยรูปภาพ ชื่อสินค้า ราคา และลิงค์เว็บไซต์ที่ทำการขายของเรา โดยรูปแบบที่ห้านั้นจะทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกสินค้าที่ต้องการได้ทันที

เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีสินค้าที่จับต้องได้ให้เลือก จะต้องมีเว็บไซต์ที่เป็น E-Commerce Website มีระบบการสั่งซื้อสินค้าบนเว็บไซต์ และจำเป็นต้องสมัคร Google Merchant Center ให้เรียบร้อยก่อนการโฆษณาประเภทนี้

สรุป

การที่จะเลือกใช้เครื่องมือในการโฆษณาบนแพลตฟอร์มของ google เราจำเป็นต้องวางแผนในการใช้งานเครื่องมือเป็นอย่างดีเป็นการโฆษณาที่เสียเงิน หรือการทำseo และต้องเลือกให้เข้ากับธุรกิจของคุณเองให้มากที่สุด

เครดิต: บริษัท ซี๊ดดิจิเทนท์ จำกัด