เลือกดูหัวข้อที่สนใจ
ในปัจจุบันมีการแข่งขันกันค่อนข้างสูงบน google ads แพลตฟอร์ม มีทั้งเจ้าใหญ่ที่มีงบประมาณไม่จำกัด และธุรกิจขนาดเล็กที่กำลังเติบโตเพิ่งเริ่มตั้งไข่ ดังนั้นจึงเป็นไปได้ยากที่ธุรกิจที่เพิ่งเติบโตขึ้นมาจะทำโฆษณาให้แข่งกับเจ้าใหญ่ๆด้วยข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ
โดยจุดสำคัญของวันนี้ที่เราจะมาลงรายละเอียดการทำกูเกิลแอด โดยงบประมาณจำกัด การโฆษณาผ่านกูเกิล โดยการใช้คีย์เวิร์ด และการปรับราคา bid เป็นส่วนสำคัญของธุรกิจขนาดเล็กหรือนักการตลาดที่เพิ่งขัดลงโฆษณาออนไลน์ แต่จากประสบการณ์ของลูกค้าหลากหลายเจ้า ประเมินได้ว่าธุรกิจที่ใช้กูเกิ้ลแอด สามารถสร้างกำไรเฉลี่ยได้สูงถึง 70-80%
ส่วนสำหรับคนที่งบประมาณจำกัด จุดที่สำคัญคือโครงสร้างของบัญชี ที่เราต้องทำให้ละเอียดรอบคอบถูกต้อง สมกับธุรกิจของเรา ซึ่งจะส่งผลให้ประหยัดงบประมาณและสร้างกำไรได้ยั่งยืนมากยิ่งขึ้น
เราควรใช้งบประมาณเท่าไรกับ google ads
การเลือกงบประมาณที่เหมาะสมนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยของธุรกิจ แต่คือการแข่งขัน ของkeyowrd บนgoogle ads ตามหลักการนั้นควรพิจารณาว่าเราขายสินค้าหรือบริการของเรานั้นราคาเท่าไหร่ เรายินดีเท่าไรที่จะยอมจ่ายที่ต้องการให้ลูกค้าคนๆหนึ่งมาซื้อของเรา เช่น นาย A ขายเสื้อมือสอง ราคา 100 บาท ต่อ 1 ตัว งบการตลาดของเราไม่ควรเกินยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของรายได้ในการขาย ดังนั้นงบประมาณที่ยินดีจะจ่ายให้กับกูเกิลแอด คงไม่เกิน 20บาท เพื่อให้ครอบคลุมกับงบประมาณที่จำกัดของเรา
แต่ในโลกของการโฆษณาบนออนไลน์ เราอาจจะคิดแบบนั้นไม่ได้เนื่องจากคู่แข่งของเรามีกำลังของงบประมาณที่สูงกว่าซึ่งหมายความว่าเขามีโอกาสในการปิดการขายได้มากกว่าเรา ดังนั้นเราควรกำหนดงบ และโฟกัสคีย์เวิร์ดรวมถึงคุณภาพของโฆษณาของเราให้อยู่ในคุณภาพที่ดีอยู่ตลอด
ในการที่เราลงงบประมาณของโฆษณาน้อยเกินไปอาจจะไม่แนะนำ เนื่องจากกลุ่มลูกค้าที่เห็นโฆษณาเราจะมีผลลัพธ์ที่น้อยลงมากในการแข่งขันบนกูเกิลแพลตฟอร์ม เปรียบเสมือนเรานำรถบ้านเก่าๆไปแข่งกับรถซูเปอร์คาร์ เราจึงต้องโฟกัสงบประมาณการตลาดให้พอเหมาะพอเจาะจึงจะสามารถดึงกลุ่มลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้าของเรา
เทคนิคการทำ google ads ให้ใช้เงินอย่างคุ้มค่า
- หลีกเลี่ยงการใช้ keyword broad match
หากธุรกิจของคุณเพิ่งเริ่มตั้งไข่ และมีงบประมาณการตลาดที่ยังไม่เยอะ ควรหลีกเลี่ยงคีย์เวิร์ดประเภท broad match เนื่องจากคีย์เวิร์ดประเภทนี้จะใช้งบประมาณเยอะโดยการทำงานของคีย์เวิร์ดประเภทนี้คือการที่น้ำคำข้างเคียงหรือคำที่มีความหมายใกล้เคียงกับคำๆนี้โชว์โฆษณาให้ทุกคนเห็น จึงทำให้กินค่าโฆษณาเป็นอย่างมาก สำหรับคีย์เวิร์ดที่แนะนำ คือ exact หรือ [__] จะเป็นคีย์เวิร์ดประเภทคำตรงซึ่งกลุ่มลูกค้าจะต้องพิมพ์คำค้นหาให้เหมือนกับที่เราใช้โดยไม่ผิด เป๊ะๆ เช่น [ขายเสื้อมือสองราคาถูก] [ร้านขายเสื้อมือสอง ลาดพร้าว] คีย์เวิร์ดประเภทนี้จะช่วยให้เราสามารถประหยัดงบประมาณ แต่ก็มีข้อเสียที่การแสดงผลโฆษณาน้อยลงตามไปด้วย - เพิ่ม Quality Score
เมื่อเราทำการสร้างแคมเปญที่จะยิงโฆษณาสำหรับธุรกิจ หรือ สินค้าและบริการของเรานั้น จุดที่เราจะโฟกัสต่อมาคือการสร้างโฆษณาให้มีคุณภาพดี จะช่วยทำให้ระบบของกูเกิล ดันโฆษณาเราให้อยู่ในอันดับที่สูง และค่า CPC ของเราถูกลง หากเปรียบเทียบเสมือนว่าคนที่แต่งตัวสะอาดสะอ้านดูดี จะถูกคนมองเห็นและสนใจเยอะกว่าผู้ที่แต่งตัวปกติ - ศึกษาคู่แข่ง
วิธีการที่โฆษณาอีกวิธีหนึ่งคือ การที่เราเลือกคีย์เวิร์ดเราจะเน้นการศึกษาจากคู่แข่งของเราว่าเขาใช้คีย์เวิร์ดอะไรเพื่อขึ้นอันดับแรกและใช้โฆษณารูปแบบไหน ซึ่งเราสามารถเช็คด้วยการเสิร์ชคีย์เวิร์ดที่เราต้องการลงบนกูเกิลเพื่อสำรวจ และยังมีเครื่องมือ keyword planner ที่จะช่วยให้เรารู้ปริมาณการค้นหาของคีย์เวิร์ดแต่ละคำต่อเดือนและการแข่งขันของคีย์เวิร์ดนั้นๆมีจำนวนสูงมากเพียงใดสามารถทำให้เราคำนวณและวางแผนก่อนการสร้างแคมเปญของเราได้ - การนำ keyword ที่ไม่ได้ conversion ออก
เมื่อคุณทำกูเกิลแอดมาสักระยะหนึ่งคุณจะเรียนรู้ถึงคอนเวอร์ชัน คือ การกำหนดเป้าหมายของแคมเปญเราว่าเราต้องการกลุ่มเป้าหมายประเภทใด การติดต่อหรือการสั่งซื้อ และเมื่อมาถึงจุดนี้คุณใส่คีย์เวิร์ดลงไปเยอะๆบนกูเกิลแอด อาจทำให้เราเข้าถึงคนได้หลากหลายมากขึ้น แต่ในบางครั้งคีย์เวิร์ดที่เราใส่ลงไปนั้นไม่ได้ทำให้เราเพิ่มยอดขายมากขึ้น อ้ากว้างเกินหรือไม่ถูกคีย์เวิร์ดที่คนค้นหา หากคุณกำลังเจอปัญหาเหล่านี้จากประสบการณ์แนะนำให้ลองปิดคีย์เวิร์ดที่ไม่เกี่ยวข้องและนำงบประมาณไปใส่คีย์เวิร์ดที่มีค่าคอนเวอร์ชั่นสูงๆจะสามารถทำให้ยอดขายของคุณเติบโตขึ้นไปได้ - การทำ Remarketing
เชื่อว่าหัวใจหลักของหลายหลายธุรกิจของคุณลูกค้าใหม่ย่อมซื้อยากกว่าลูกค้าเก่า เนื่องจากลูกค้าเก่าเคยใช้บริการหรือผลิตภัณฑ์ของคุณแล้วหากผลิตภัณฑ์ของคุณมีคุณภาพที่เป็นความพึงพอใจของลูกค้า เชื่อเลยว่า 90% จะทำการสั่งซื้อซ้ำ ดังนั้นการที่เราทำรีมาร์เก็ตติ้งลงกลุ่มลูกค้าเดิมที่เคยซื้อเราจึงเป็นกลยุทธ์สนใจโดยเราสามารถแบ่งงบประมาณให้ลูกค้าใหม่ 60% และลูกค้าเก่า 40% เพื่อให้ลูกค้าเก่ากลับมาซื้อซ้ำ
สรุป
การที่เรามีงบการตลาดยังไม่เยอะในช่วงแรก แต่เราสามารถวางโครงสร้าง และเป้าหมายที่เราต้องการไว้ได้ เพื่อให้โฆษณาของเราสามารถทำยอดขายเราให้เพิ่มสูงขึ้น เราจึงต้องโฟกัสในส่วนของการปรับปรุงประสิทธิภาพของโฆษณา และหาคีย์เวิร์ดที่เสามารถสร้างยอดขายให้ธุรกิจของคุณได้
เครดิต: บริษัท ซี๊ดดิจิเทนท์ จำกัด