เลือกดูหัวข้อที่สนใจ
ปัญหาโลกแตกของเหล่านักขายออนไลน์ ต้องเคยผ่านประสบการณ์นี้กันมาอย่างแน่นอน นั่นก็คือการยิง Adsเฟสบุคขายสินค้า แต่กลับไม่มีวี่แววว่าจะปิดการขายได้ บางคนโชคดีหน่อยมีลูกค้าทักมาถามเหมือนสนใจ แต่ก็หายไปแบบไม่ไยดี… บางคนหนักกว่านั้น เปิดแอดฯ ไว้ทั้งวันกลับเงียบเหงาไม่มีลูกค้าทักมาเลยสักคน ยิ่งลงโฆษณาไป ยิงเสียเงินทุนไปเรื่อย ๆ เหมือนละลายน้ำพริกลงแม่น้ำ เอาเป็นว่าใครที่เผชิญปัญหานี้อยู่ โปรดตั้งสติแล้วมาทำความเข้าใจ จริง ๆ แล้วอาจเกิดจากจุดใต้ตำตอที่คุณมองข้ามก็เป็นได้
กลุ่มเป้าหมายที่ตั้งไว้ ไม่ใช่ลูกค้า
คนส่วนใหญ่มักจะโดนกับดักกลุ่มเป้าหมายเล่นงานอย่างง่ายดาย โดยเฉพาะยุคที่การดึง Data จากกลุ่มเป้าหมายยากเย็นมากขึ้นเพราะ ความเป็นส่วนตัวที่ระบบถูกจำกัดเอาไว้ อย่างไรก็ตาม ระบบหลังบ้านของเฟสบุคก็ยังมีกลุ่มเป้าหมายที่ช่วยให้เราเข้าถึงได้อยู่ ทว่าสิ่งที่เราตีโจทย์ไม่แตกนั่นก็คือ เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครคือลูกค้า? พอถามว่า จะขายสินค้านี้ให้ใคร ถ้าตอบว่า ใครก็ได้…แบบนี้บอกเลยว่าหยุดทำโฆษณา แล้วไปหาคำตอบตัวเองให้เจอก่อน เพราะสิ่งที่คุณจะต้องรู้เป็นอันดับแรกตั้งแต่เริ่มต้นวางแผนคิดจะขายสินค้าแล้วว่า “กลุ่มเป้าหมายของคุณคือใคร” เป็นสิ่งที่จะต้องชัดเจน เพื่อสร้างคอนเทนต์ให้ไปในทิศทางที่ถูกต้อง โดยกลุ่มเป้าหมายจะต้องบอกได้ตั้งแต่ช่วงอายุ, เพศ, ความสนใจทั่วไปของพวกเขา, ที่อยู่อาศัย, ช่วงเวลาที่กลุ่มเป้าหมายน่าจะเล่นเฟสบุค และคอนเทนต์แนวไหนที่พวกเขาสนใจ ซึ่งอาจเป็นภาพ, ข้อความ, วิดีโอ, หรือการไลฟ์สด ทั้งหมดนี้ล้วนสำคัญ ทำให้คุณนำไปตั้งค่ากลุ่มเป้าหมายที่กระชับได้มากขึ้น
ตั้งกลุ่มเป้าหมายยิง Ads แบบกว้างจนเกินไป
เรียกว่าเป็นประเด็นมาจากข้อแรกเลยก็ว่าได้ เพราะคุณไม่รู้ว่ากลุ่มเป้าหมายคือใคร ก็เลยตั้งเซตกลุ่มเป้าหมายแบบกว้าง ๆ เอาไว้ก่อน แล้วก็คิดเอาเองว่า “เผื่อเขาจะชอบ” แต่หารู้ไม่ว่าการนำส่งของเฟสบุค จะทำให้คุณเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ ไม่ได้ลูกค้าสักคน ไม่มีแม้กระทั่งยอดไลค์ แถมยังส่งผลเสีย ทำให้คนที่ไม่ได้อยากเห็นโฆษณารู้สึกรำคาญ เบื่อหน่าย จนปิดกั้นการมองเห็นเพจของคุณไปเลย ทีนี้ระบบ AI ก็จะเริ่มเรียนรู้ที่จะไม่นำส่งไปหาคนอื่นรอบข้างที่เป็นเพื่อนของคนนี้ ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้อาจจะเป็นกลุ่มเป้าหมายที่เฟสบุ๊คเลือกที่จะคัดทิ้งให้แบบน่าเสียดาย
คอนเทนต์ดูธรรมดา ไม่ชวนสะดุดตา
บอกเลยว่าการทำโฆษณา ไม่ใช่ว่าจะอัดเงินให้เยอะสักแค่ไหนก็ได้ เพราะคิดว่าแพลตฟอร์มนี้ใช้เงินซื้อก็จบ! ถ้าคิดแบบนี้ถือว่าเป็นความเข้าใจที่ผิดอย่างมาก สิ่งที่จะช่วยให้โฆษณาของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะต้องขึ้นอยู่กับคอนเทนต์ที่นำเสนอด้วย เมื่อก่อนเราอาจเห็นคอนเทนต์ไร้สาระ หรือเรียกว่าคอนเทนต์ขยะเกลื่อนกลาด แต่ในยุคนี้เฟสบุคเข้มงวด เพราะการแข่งขันระหว่างค่ายโซเชี่ยลอื่น ๆ นั้นสูงขึ้น คอนเทนต์จึงต้องมีประโยชน์ ให้ผลตอบรับที่ดีกับลูกค้า การขายแบบตรง ๆ แต่ใส่ความครีเอทีฟลงไปด้วยช่วยได้มาก แต่ถ้าเป็นคอนเทนต์เน้นขายตรง ๆ อย่างเดียว แถมทื่อ ๆ ไร้สีสัน อาจจะรอดยากมากในยุคที่การแข่งขันสูงลิ่วแบบนี้
โดนปิดกั้นเพราะไม่ใส่ใจกฎกติกา
ย้อนนึกไปถึงสมัยก่อนที่คุณอาจเคยเห็นการขายครีมผิวขาว หรือการขายยาลดน้ำหนักเกลื่อนหน้าเฟสบุค ราวกับว่าใคร ๆ ก็ทำได้ ไปจนถึงภาพ Before/After ที่อาจทำให้คุณคิดว่ายังใช้ได้อยู่ แต่ถ้าสังเกตให้ดี โฆษณาเหล่านี้ล้มหายตายจากเฟสบุคไปหมดเป็นที่เรียบร้อย และถ้าคุณไม่รู้จักปรับตัวให้ทันตามกฎของเฟสบุค ยังเลือกใช้คำหลักการแบบเดิม ๆ อยู่ล่ะก็ มีโอกาสที่เฟสจะเฝ้าจับตาคอนเทนต์ของคุณ แล้วปิดกั้นการมองเห็นให้เหลือน้อยที่สุด เพราะการใช้คำที่ไม่เหมาะสม การใช้ภาพต้องห้ามที่เฟสบุคบอกเอาไว้ แต่คุณไม่ได้ใส่ใจกับกฎของพวกเขา ถ้ายังดันทุรัง คุณจะเสียทั้งค่ายิงแอดฯ และวันหนึ่งบัญชีโฆษณาอาจโดนแบนถาวรตามมาได้ เพราะฉะนั้น ถ้าอยากจะขายอยู่บนแพลตฟอร์มนี้ คุณจะต้องปรับตัว วิ่งตามให้ทัน และเรียนรู้การเปลี่ยนแปลง แม้จะรู้สึกว่า “ฉันจ่ายเงินนะ” แต่นั่นแหละ… เราจ่ายเงินในพื้นที่ของเขา และเขาก็ต้องรักษากฎระเบียบให้สภาพแวดล้อมมันน่าอยู่ เป็นเรื่องปกติที่เราจะต้องยอมรับ ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปช่องทางไหน คุณก็จะต้องเจอกับกติกาเหล่านี้ ดังนั้นควรทำคอนเทนต์ที่ขาวสะอาด จะได้ทำให้คุณอยู่รอด และเป็นการทำการตลาดที่ยั่งยืนด้วย
ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว รู้ตัวว่าตัวเองมีจุดบกพร่องตรงไหนในการทำโฆษณาบนเฟสบุคอยู่ล่ะก็ ลองไปปรับตัว แล้วเปลี่ยนแนวทางการยิง Ads ในทิศทางอื่นดู เพื่อช่วยให้เจอลูกค้าจริง ๆ ที่พวกเขาสนใจและอยากซื้อสินค้าของคุณ โดยเฉพาะการรู้จักกลุ่มเป้าหมายของตัวเอง และการพยายามสร้างคอนเทนต์สร้างสรรค์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ เพิ่มฐานลูกค้าให้มากขึ้น และเป็นเหมือนหัวใจสำคัญในการทำการตลาดทุกช่องทางเลยก็ว่าได้
เครดิต: บริษัท ซี๊ดดิจิเทนท์ จำกัด